แม้การลงสนามในฐานะตัวสำรองเพียง 44 นาทีจากแมตช์ที่ ลิเวอร์พูล บุกเอาชนะ เชลซี 2-0 จะบ่งชี้อะไรมากไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เห็นว่า ธิอาโก้ อัลกันตาร่า จอมทัพตัวใหม่ที่ "หงส์แดง" เซ็งต่อจาก บาเยิร์น มิวนิค สามารถปรับตัวกับลีกและรับมือกับคู่แข่งระดับ "สิงห์บลูส์" ได้นะ อีกทั้งการย้ายสังกัดใหม่เพียง 2 วัน นั่นทำให้เจ้าตัวแทบไม่มีเวลาปรับตัวกับสถานที่รวมไปถึงเพื่อนร่วมทีมเลยด้วยซ้ำ
เป็น 44 นาทีที่เหล่าแฟนบอลทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมาก กับห้องเครื่องตัวใหม่ที่คาดว่าจะเข้ามาเติมเต็มจุดที่ ลิเวอร์พูล ขาดหายไป ทั้งการเคลื่อนที่ไปกับบอล หรือการออกบอลให้กับเพื่อน ก็ทำได้อย่างเนียนตาตามสไตล์สเปน-บราซิเลี่ยน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องชื่นชมหัวจิตหัวใจของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่กล้าส่งเขาลงสนามประเดิมบิ๊กแมตช์ทั้งๆ ที่ย้ายมาอยู่กับทีมเพียง 2 วันเท่านั้น
ธิอาโก้ อัลกันตาร่า เกิดเมื่อวันที่ 11 เมษายน 1991 ณ เมือง ซาน ปิเอโตร แวร์โนติโก้ ในประเทศ อิตาลี โดยคุณพ่อชาวบราซิลอดีตแข้งชุดแชมป์โลกปี 1994 อย่าง มาซินโญ่ และคุณแม่ วาเลเรีย อัลกันตาร่า อดีตนักวอลเลย์บอลชาวบราซิล
อัลกันตาร่า เริ่มต้นค้าแข้งในระดับเยาวชนกับสโมสร ฟลาเมงโก้ ในช่วงปี 1995-1996 ด้วยวัยเพียง 5 ขวบเท่านั้น ก่อนจะมีโอกาสย้ายไปยังศูนย์ฝึก ลามาเซีย ของสโมสร บาร์เซโลน่า ในช่วงปี 2005-2008 และนั่นคือจุดเริ่มต้นการรับใช้ชาติของเขากับประเทศ สเปน ชุดยู-16 ในปี 2007
ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ รวมไปถึงการอยู่โยงกับทัพ "ต่างดาว" ยาวนานกว่า 6 ปี ทำให้ อัลกันตาร่า ได้รับโอกาสก้าวขึ้นชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาล 2009 และทำให้เจ้าตัวติดทัพกระทิงดุทุกชุดตั้งแต่ ยู-16, ยู-17, ยู-18, ยู-19 และยู-21 นั่นทำให้เขาได้รับสัญชาติที่สองนอกจากบราซิล ก็คือ สเปน นั่นเอง
จากสไตล์การเล่นที่เหมาะสมกับตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ รวมไปถึงทักษะการเคลื่อนที่ไปกับบอลของเขา ทำให้สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ให้ความสนใจและดึงตัวเขาไปร่วมทัพในปี 2013 ด้วยค่าตัวถึง 25 ล้านยูโร กับสัญญาระยะยาว 4 ปี
เส้นทางของ อัลกันตาร่า กับ "เสือใต้" กำลังไปได้สวยตลอดปีแรก จนกระทั่งเขาได้รับบาดเจ็บหรือและต้องพักยาวกว่า 1 ปี ซึ่งกว่าจะคัมแบ็คก็ปาไปวันที่ 4 เมษายน 2015 และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางอันสุดยอดของเขากับ บาเยิร์น มิวนิค
อัลกันตาร่า คว้า 16 ถ้วยกับ "เสือใต้" ไม่ว่าจะเป็น 7 แชมป์บุนเดสลีก้า, 4 แชมป์เดเอฟเบ โพคาล, แชมป์เดเอฟเบ ซูเปอร์ คัพ, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2020 กลายเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อ อัลกันตาร่า ตัดสินใจย้ายไปซบ ลิเวอร์พูล เพื่อหาความท้าทายใหม่ ด้วยสัญญาระยะยาว 4 ปี และค่าตัว 20 ล้านปอนด์บวกออฟชั่นเสริมอีก 5 ล้านปอนด์
การเดบิวต์ของเขากับสังกัดใหม่อย่าง "หงส์แดง" มาไวเกินคาด เมื่อกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ใส่ชื่อของเขาอยู่ในลิสต์ตัวสำรองแมตช์เยือน เชลซี ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนลงสนาม แทนที่ของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่มีปัญหาเรื่องสภาพความฟิตอยู่แล้ว และการลงสนามครั้งนั้น อัลกันตาร่า สามารถสร้างสถิติจ่ายบอลสำเร็จ 75 ครั้ง ซึ่งมากที่สุดในครึ่งเวลาเดียวของพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ที่เก็บกันมาเมื่อปี 2003 แถมมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าสามแต้มสำคัญออกจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกด้วย