ในห้วงเวลานี้ของปีที่แล้ว นับเป็นอีกห้วงเวลาหนึ่งที่เหล่ากองเชียร์ ลิเวอร์พูล และผู้กรีดเลือดสาบานตนเป็น เดอะ คอป ต่างตกอยู่ในภาวะสิ้นหวัง และไร้ศรัทธา
และแล้วทุกอย่างก็ได้เดินทางมาถึงจุดจบในวันที่ 4 ตุลาคม ปีที่แล้ว เจ้าของวลี อย่าง ให้โอกาสผมสัก 3 ปี แล้วค่อยมาตัดสินผม หรือ ผมศึกษามาแล้วเป็นอย่างดีว่า ถ้าเราสามารถเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าคู่แข่ง เราจะมีโอกาสเอาชนะได้มากถึง 79% ก็ถึงคราวแยกทางกับสโมสร เหลือเศษซากนักฟุตบอลไว้ให้นายใหม่เยียวยา ซึ่งต้องยอมรับว่า ปลายทาง ของ บีอาร์ เหล่านักเตะดูเหมือนจะมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ขาดแรงจูงใจ ขาดการตอบสนองด้านบวกอย่างเห็นได้ชัดเจน
ไม่ใช่แค่มุมของเหล่าบรรดานักเตะเท่านั้นที่สภาพจิตใจย่ำแย่ ในแง่มุมของกองเชียร์ก็เฉกเช่นกัน ปรากฏการณ์มากมายเกิดขึ้นจนแทบจะลืมไปเลยว่า เราคือสโมสรที่เคยมีกองเชียร์คอยเคียงข้างเหล่าผู้จัดการ และ นักเตะมาทุกยุคทุกสมัย การโห่ไล่ผู้จัดการมีทั้งตั้งแต่ในเกมลีค ในเกมบอลถ้วยอย่าง ลีคคัพ ลามเลียยันเกมยุโรปในบ้าน มีแบนเนอร์ขับไล่บนอากาศ มีการรวบรวมระดมทุนไล่ และที่หดหู่ที่สุด นั่นคงเป็นการแช่งชักหักกระดูกผ่านสังคมออนไลน์และช่องทางข่าวสารหวังเห็นทีมพ่ายแพ้ เพื่อจบสิ้นวงจรแห่งความสิ้นหวังนี้เสียที
4 วันให้หลัง สโมสรแต่งตั้งนายคนใหม่ ชื่อ เจอร์เกน คลอปป์ หนุ่มเยอรมันวัย 48 ที่ก้าวเข้าสู่สโมสรพร้อม ศรัทธา ความเชื่อ และ ความหวัง
ผู้จัดการเพรสชั่นสูง ดูเหมือนจะเข้าใจดีกับสถานการณ์ของทีม และ สถานการณ์ของเหล่ากองเชียร์ผู้จงรัก ดังนั้นดูเหมือนงานหลักชิ้นแรกๆ ของ คลอปป์ หาใช่การปรับปรุงทีม หรือการปรับปรุงให้เกิดผลงานที่ดีในสนาม แต่หากเขากลับเริ่มลงมือเยียวยาจุดที่เปราะบางที่สุดของมนุษย์ นั่นก็คือ หัวใจ
กับ หัวใจ กองเชียร์ เองหากใครจำบทสัมภาษณ์แรกๆ ได้ ผู้จัดการธรรมดามากๆ ที่ถ่อมตัว ผู้มาจาก แบล็ค ฟอเรสต์ และเรียกตัวเอง ว่า เดอะ นอร์มอล วัน กล่าวไว้น่าสนใจ ว่า ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรที่มีแฟนบอลอันแสนวิเศษ และแอนฟิลด์ ก็เป็นสนามเหย้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ว่า บรรยากาศที่นี่นั้นสุดยอดกว่าที่ไหนๆ ตัวผมอยากจะสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับแฟนบอล และมอบความทรงจำอันแสนมีค่าให้กับพวกเขา ซึ่งผมหวังว่าเราจะสามารถเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้ เพื่อที่จะให้พวกเราได้พร้อมออกเดินทางครั้งใหม่ไปด้วยกัน และแน่นอนกับประโยคปิดท้ายที่มิอาจลืม เราต้องเริ่มต้นเปลี่ยนจากผู้มีความสงสัย เป็นผู้ที่มีศรัทธา ข้อความที่ถ่ายทอดออกมา ถ้อยคำที่สื่อสาร ได้แปรเปลี่ยน หัวใจ จากกองเชียร์ที่ไร้สิ่งยึดเหนี่ยว กลายเป็นกองเชียร์ที่มีอีกหนึ่งผู้จัดการมาเคียงข้าง ..
จากกองเชียร์ที่ไร้ความหวัง กลับกลายเป็นกองเชียร์ที่เติมเต็มไปด้วยไฟ และพร้อมมอบพลังให้กับทีมรักอีกคราว ราวประหนึ่งว่า ไม่ว่าจะต้องล้ม ไม่ว่าจะต้องเจ็บปวดอีกสักเพียงไหน จากตรงนี้เราจะเคียงข้างซึ่งกันและกันเสมอ เหมือนวลีที่เราเคยพร่ำบอก Youll Never Walk Alone
เช่นเดียวกับเหล่าบรรดานักเตะ ชายเยอรมันผู้มีใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดและเครา ไม่รีบร้อนอันใดเลย กับการเสริมทัพช่วงเดือนมกราคม การมองถึงศักยภาพที่ถูกปกปิด การมองเห็น หัวใจ ที่ห่อเหี่ยว ไร้พลัง ขาดศรัทธาอย่างแรง จึงทำให้เจ้าตัวเลือกที่จะ เยียวยา มากกว่าที่จะเลือก ถลุงเงิน
ลิเวอร์พูล ยุค เจอร์เกน คลอปป์ หาได้เริ่มต้นด้วยความสวยหรู ผนวกกับคิวแข่งที่แน่นระยับ ลิเวอร์พูล ของ คลอปป์ ปีที่แล้วจึงออกอาการประเดี๋ยวดี ประเดี๋ยวร้าย หลายเกมมีเรื่องราวมิอาจลืมเลือน ขณะที่อีกหลายเกมก็ไม่มีค่าให้ควรจดจำ เรื่องที่ดูดีสุดๆ คงไม่พ้นเรื่องที่เราสามารถกลับมา โกงความตาย หลังจากที่ผ่านมาเราดูเหมือนจะห่างเหินและไม่เคยได้เห็นเรื่องเหล่านี้มานานแสนนาน แม้อาจดูไม่มากเกมนัก แต่นั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม
แม้แทบจะไม่หลงเหลือความหวัง แม้แทบจะขาดศรัทธา กับความเป็นทีมที่อุดมไปด้วยนักเตะประเภทเล่นพื่อตัวเอง นักเตะหลายคนยึกยักเล่นโชว์สเตป บางคนเลี้ยงไปเลี้ยงมา บางคนตะบี้ตะบันยิง ขณะที่อีกหลายคนเล่นแค่ประคองตัวเอง ขณะเดียวกันอาจนึกฝันถึงแค่การติดทัวร์นาเม้นท์ใหญ่หลังจบฤดู แต่กระนั้น ชายเยอรมันก็สามารถพาทีมดังกล่าว เข้าไปชิงชนะเลิศได้ถึง 2 ถ้วย แม้บทสุดท้ายจะจบลงด้วยความผิดหวัง แต่หากมองมุมใหม่มันดูเหมือน นี่คือ จุดเริ่มต้น ที่จุดประกาย
2016/17 กับฤดูกาลแรกที่คุมเต็มตัว ชายเยอรมันดูเหมือนจะฉับไวและชัดเจน พื้นที่ส่วนไหนที่ต้องเสริมเติมแต่ง และพื้นที่ส่วนไหนที่ต้องได้รับการปรับปรุง การกระโจนเข้าตลาดซื้อ-ขายรอบแรกกับลิเวอร์พูล ดูมีชาติตระกูล นักเตะบางคนก้าวเข้ามาแบบไร้ค่าตัว ขณะที่บางคนราคาแสนถูก ขณะเดียวกันนักเตะที่ดูเหมือนจะแพงระยับก็เดินเข้ามาเช่นกัน อีกด้านหนึ่ง ส่วนเกินหลายๆ ส่วนถูกโละทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย และพรีซีซั่นของ ลิเวอร์พูล คือการหลอมรวมครั้งสำคัญ
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ ความหวังครั้งใหม่ หลายคนมองหาแค่ ที่ 5 ที่ 6 บางคนขอติด 1 ใน 4 บางคนขอพ่วงถ้วยแชมป์บอลถ้วยสักใบ ขณะเดียวกันหลายคนฝันถึงแชมป์
แม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยความน่าสะพรึงกับการยัดเยียดความปราชัยให้กับ ปืนโต แต่ จุดอ่อน หาใช่จะไม่มี และไม่นานเกินรอจริงๆ จุดอ่อน เหล่านั้นก็ปรากฏ การยกพลไปพ่าย เบิร์นลี่ย์ ในเกมที่ 2 ของลีค ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญ ขณะเดียวกันมันก็เผย จุดอ่อน ที่ควรต้องปรับปรุง แต่ต้องยอมรับว่าหลายๆ เรื่อง หลายๆ ปัจจัย มันอาจต้องการเวลา โดยเฉพาะเรื่อง ทัศนคติ และ หัวใจ คน ซึ่งดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้ที่สำคัญที่สุดของฤดูกาลนี้ คือ ตัวเรา เอง
ถึงวันนี้ผ่านไป 7 นัดในลีค การอยู่อันดับ 4 บนตาราง มันมิอาจบ่งบอกว่า เมื่อจบ 38 นัด เราจะอยู่ตรงไหน ? แต่ศรัทธา ความเชื่อ และ ความหวัง ได้กลับคืนมาสู่หัวใจอีกครั้ง ด้วยน้ำมือของชายธรรมดาๆ ที่สุดแสนจะถ่อมตัว เจอร์เกน คลอปป์