เจมส์ มิลเนอร์ เป็นฮีโร่ของลิเวอร์พูล หลังซัดจุดโทษพาทีมพลิกชนะ สวอนซี 2-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก คู่แรกประวันเสาร์ที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ หงส์แดง คว้าสามแต้มสำเร็จ เก็บเพิ่มเป็น 16 คะแนน ขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงชั่วคราว
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2559
สวอนซี 1-2 ลิเวอร์พูล
สนาม : ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่แรกประจำวันเสาร์ "หงส์ขาว" สวอนซี เปิดรัง ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม รับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยเจ้าบ้านเปลี่ยนแค่ตำแหน่งเดียวจากนัดเปิดบ้านแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 โดยส่ง บอร์ฆา บาสตัน หัวหอกตัวใหม่ของทีมประเดิมเกมแรกในลีก แทน เฟร์นานโด ยอร์เรนเต้ ส่วนทีมเยือนปรับแนวรับส่ง เดยัน ลอฟเรน ลงเล่นแทน รักนาร์ คลาวาน
โดยสถิติการเจอกันในลีก 7 นัดที่เวลส์ เป็นทาง "หงส์ขาว" ชนะไป 3 เสมอ 2 ส่วน "หงส์แดง" บุกมาเก็บชัยได้ 2 ครั้ง
เกมเริ่มทีมเยือนเป็นฝ่ายครองบอลกดดันใส่เจ้าบ้าน แต่เป็นทาง สวอนซี มีโอกาสได้หวาดเสียวก่อนจากจังหวะโขกเหน่งๆของ บอร์ฆา บาสตอน ทว่าข้ามคานออกไปแบบได้ลุ้น
และแล้ว หงส์ขาว ก็ตีปีกทะยานขึ้นนำไปก่อน 1-0 นาทีที่ 8 จากจังหวะเตะมุมด้านซ้าย กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน โยนไปทางเสาสองเข้าศีรษะ บอร์ฆา บาสตอน โขกชงเข้ากลางมาเข้าทาง ลีรอย เฟอร์ ชาร์จเข้าไปแบบง่ายๆ
หลังจากเสียประตูไปอย่างรวดเร็ว ลิเวอร์พูล ยังจับจังหวะเกมของตัวเองไม่ได้ เสียบอลบ่อยครั้ง เนื่องจากเร่งจังหวะมากเกินไป และแถมต้องมาเสีย อดัม ลัลลาน่า มิดฟิลด์พลังม้าไปอีกเนื่องจากอาการบาดเจ็บ เป็นทาง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ลงสนามมาแทนในนาทีที่ 23
สวอนซี เกือบได้ประตูที่สองจากจังหวะฟรีคิก กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน เปิดเข้ากรอบเขตโทษแบบได้ลุ้น บอร์ฆา บาสตอน โฉบมาโขกเฉียดเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
ทีมเยือนตั้งเกมของตัวเองได้แล้ว ทว่าโอกาสจบสกอร์ยังไม่จะแจ้ง ส่วน แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่ลงมาใหม่ยังทำอะไรไม่ได้ แถมมาโดนใบเหลืองข้อหาพุ่งล้มลงในเขตโทษ
ช่วง 5 นาทีสุดท้าย หงส์แดง พยายามอย่างหนักที่จะเอาประตูตีเสมอแต่ยังทำไม่ได้ หมดครึ่งแรก สวอนซี ยังนำ ลิเวอร์พูล 1-0
กลับมาครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล พับสนามบุกเพื่อจะเอาประตูคืนให้ได้ แต่ก็เกือบโดนเจ้าบ้านหนีห่างเป็น 2-0 แต่ยังทำไม่สำเร็จ
นาที 54 "หงส์แดง" ตีเสมอจนได้จากจังหวะยิงฟรีคิกติดกำแพงของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ บอลกระเด้งมาเข้าทาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เบิ้ลต่อเข้าเขตโทษ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ หนีกำดักล้ำหน้าโฉบมาโขกบอลเสียบเสาเข้าไป ลิเวอร์พูลตีเสมอเจ้าบ้านเป็น 1-1
ทีมเยือนเกือบได้ประตูพลิกขึ้นนำ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ทำชิ่งกับ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม บริเวณหน้ากรอบเขตโทษก่อนปั่นด้วยขวาบอลเฉียดเสาออกหลังแบบฉิวเฉียด
เจ้าบ้านเห็นท่าไม่ดีแก้เกมด้วยการส่งตัวสำรองสองคน โมดู บาร์โรว์ ลงสนามแทน เวย์น เราท์เล็ดจ์ และตามด้วย คี ซุง-ยอง ลงแทน ลีออน บริตตัน กัปตันทีม
เหลือ 20 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล ครองเกมอยู่ฝ่ายเดียว พลางกดดันอย่างหลังทั้งลูกภาคพื้นและลูกกลางอากาศ แต่ยังจบสกอร์ไม่ได้ และเจ้าถิ่นเปลี่ยนตัวสำรองคนสุดท้าย เจย์ ฟูลตัน ลงเล่นแทน ลีรอย เฟอร์ ผู้ทำประตูให้กับทางสวอนซี
นาที 75 เจ้าบ้านตอบโต้บ้าง โมดู บาร์โรว์ ครอสจากทางด้านขวาให้ เจย์ ฟูตัน ได้โขกแต่ข้ามคานออกไปไกล
10 นาทีสุดท้าย ยังเป็นทีมเยือนโหมบุกใส่เจ้าบ้านอย่างหนัก และสุดท้าย ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษจนได้ นาที 84 กองหลังสวอนซีสะกัดบอลกันไม่ดีมาเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และกำลังจะได้สับไกยิง แต่ถูกสะกัดล้มลงในเขตโทษ สุดท้ายเป็นทาง เจมส์ มิลเนอร์ มือหนึ่งของทีมสังหารไม่พลาด ลิเวอร์พูลขึ้นนำจนได้ 2-1 และทาง เยอร์เก้น คล็อปป์ ส่งสองตัวสำรอง ดิว็อค โอริกี้ และ เอ็มเร่ ชาน ลงเล่นแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม
ก่อนหมดเวลา สวอนซี ชวดได้ประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย ไมค์ ฟาน เดอร์ ฮูร์ม ได้โอกาสแปหน้าประตูโล่งๆ แต่โดนไม่ดีหลุดออกหลังอย่างน่าเสียดาย จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาพลิกชนะ สวอนซี ได้สำเร็จ 2-1 ขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงชั่วคราว
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม :
สวอนซี : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ - อังเคล รังเคล, ไมค์ ฟาน เดอร์ ฮูร์ม, จอร์ดี้ อามาต, ไคล์ นอห์ตัน - ลีออน บริตตัน(กัปตันทีม) (คี ซุง-ยอง น.63) , แจ็ค คอร์ค, ลีรอย เฟอร์ (เจย์ ฟูลตัน น.72) - กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน, บอร์ฆา บาสตอน, เวย์น เราท์เล็ดจ์ (โมดู บาร์โรว์ น.62)
สำรองไม่ได้ใช้ : คริสโตฟเฟอร์ นอร์ดเฟลดท์, นีล เทย์เลอร์, ไอลฟี่ มาวสัน, โอลิเวอร์ แม็คเบิร์นนี่ย์
ลิเวอร์พูล : โลริส คาริอุส - นาธาเนียล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, โฌแอล มาติป, เจมส์ มิลเนอร์ - อดัม ลัลลาน่า (แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.23) , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน(กัปตันทีม), จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม (เอ็มเร่ ชาน น.85) - ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (ดิว็อค โอริกี้ น.85), ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
สำรองไม่ได้ใช้ : ซิมง มินโญ่เล่ต์, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, รักนาร์ คลาวาน, ลูคัส เลว่า, เอ็มเร่ ชาน
ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์