"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ฉลองอัฒจันทร์ใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยมหลังกลับมาเฝ้ารังเป็นแมตช์แรกของฤดูกาล โชว์ฟอร์มเด็ดไล่ขยี้ "แชมป์เก่า" เลสเตอร์ ซิตี้ 4-1 โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เหมาคนเดียวสองประตู ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2559
ลิเวอร์พูล 4 - เลสเตอร์ 1

สนาม : แอนฟิลด์

ลิเวอร์พูลลงเล่นในบ้านเป็นเกมแรกของซีซั่นหลังจากเพิ่มความจุผู้ชมบนอัฒจันทร์ฝั่งเมน สแตนด์ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยรับการมาเยือนของทีมแชมเปี้ยน


เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ "หงส์แดง" เกมนี้วาง ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เป็นสามประสานในแนวรุก แล้วดร็อป ฟิลิเป้ คูตินโญ่ เป็นเพียงตัวสำรอง ส่วนแนวรับไม่มี เดยัน ลอฟเรน ทำให้ต้องโยก ลูคัส เลว่า รับบทเซนเตอร์แบ็กจำเป็นคู่กับ โฌแอล มาติป ด้าน เคลาดิโอ รานิเอรี่ เฮดโค้ช แชมป์เก่า ส่ง ชินจิ โอกาซากิ กับ เจมี่ วาร์ดี้ เป็นดูโอผลิตสกอร์ โดยมี ริยาด มาห์เรซ และ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ทำเกมริมเส้น


เริ่มเกมได้เพียง 13 นาที ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ลูคัส เลว่า วางบอลออกด้านซ้ายให้ เจมส์ มิลเนอร์ หาเป้าจ่ายให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ พาบอลล็อกเข้าขวาหนี โรเบิร์ต ฮูธ ก่อนกดเรียดด้วยขวาลอดขา โรเบิร์ต ฮูธ ผ่านตัว แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ตุงตาข่ายเด็ดขาด


ลิเวอร์พูล หวิดขยับสกอร์นำห่าง ในนาทีที่ 26 ซาดิโอ มาเน่ พาบอลทำชิ่งกับ อดัม ลัลลาน่า ก่อนเข้าไปเปิดเรียดให้ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ แปด้วยขวาจ่อๆติดเซฟ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล


แฟน เดอะ ค็อป ได้เฮอีกครั้ง ในนาทีที่ 31 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เบิ้ลยาวขึ้นหน้าให้ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ สปีดเข้าหาบอลเบียดกับ แดนนี่ ซิมป์สัน ก่อนจะตอกส้นเข้ากลางให้ ซาดิโอ มาเน่ สอดขึ้นมากระดกด้วยขวา 6 หลาผ่าน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ไม่เหลือ ขยับสกอร์นำห่าง 2-0


แต่ เลสเตอร์ ไล่ตามมา 1-2 ในนาทีที่ 38 ลูคัส เลว่า ครองบอลในเขตโทษตัวเอง แต่ดันเล่นยากเมื่อกะจังหวะแต่งบอลพลาดทำให้ ชินจิ โอกาซากิ เพรสซิ่ง ก่อนตัวเองจะจิ้มตั้งให้ เจมี่ วาร์ดี้ แปด้วขวาจ่อๆ 5 หลาไม่พลาด จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ เลสเตอร์ 2-1


ครึ่งหลังเลสเตอร์ เปลี่ยนเอา อาห์เหม็ด มูซ่า กองหน้าชาวไนจีเรียลงไปแทน ชินจิ โอกาซากิ และเมื่อเกมเริ่มต้นขึ้นลิเวอร์พูลก็เร่ง เกมเหมือนเดิม และนาทีที่ 49 ซิมง มินโญเล่ต์ ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูลชนกับ โรเบิร์ต ฮูธ กองหลังเลสเตอร์นกระทั่งจมูกแตกเลือกออกต้อง ปฐมพยาบาลก่อนจะกลับมาเล่นต่อไปได้


และต่อมานาทีที่ 56 ลิเวอร์พูลบุกขึ้นสเตอร์ริดจ์ได้บอลในเขตโทษพยายามพลิกตัวแต่ไปไม่ได้มองห็น อดัม ลัลลาน่า ยืนอยู่ทาง ขวาในเขตโทษด้วยกันไหลเรียดมาให้ลัลลานา ยิงด้วยขวาเข้ามุมขวาของชไมเคิ่ล ให้ลิเวอร์พูลนำ 3-1 จากนั้นนาทีที 61 เลสเตอร์น่าจะไล่ มา 2-3 เมื่อ ริยาด มาห์เรซ ไหลบอลให้กับวาร์ดี้ ยิงด้วยเท้าซ้ายแต่โดนมินโญเล่ต์เซฟได้

นาทีที่ 66 เลสเตอร์ปรับทัพส่ง เลโอนาร์โด อูยัว ลงไปแทน มาร์ค อัลไบรท์ตัน เป็นการเติมนักเตะตัวรุกลงไป แต่ภาพรวมลิเวอร์ พูลก็ยังครองบอล และทำเกมรุกกดดันเลสเตอร์ได้มากกว่า


ช่วงนาทีสุดท้ายก่อนทดเจ็บ "หงส์แดง" มาได้ประตูปิดท้ายอย่างเด็ดขาดเมื่อ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ออกมาตัดบอลพลาด ซาดิโอ มาเน่ ได้บอลก่อนลากเข้าไปในเขตโทษและไหลง่ายๆให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยิงเข้าไปเป็นประตูที่สองของดาวยิงบราซิเลี่ยน ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เปิดรังไล่ต้อน เลสเตอร์ 4-1


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเล่ต์, เนธาเนียล ไคลน์, โฌแอล มาติป, ลูคัส เลวา, เจมส์ มิลเนอร์, อดัม ลัลลาน่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, ซาดิโอ มาเน่, แดเนียล สเตอร์ริดจ์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่

เลสเตอร์ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, แดนนี่ ซิมพ์สัน, โรเบิร์ต ฮูธ, เวส มอร์แกน, คริสเตียน ฟุคส์, ริยาด มาห์เรซ, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์, ดาเนียล อมาร์ตีย์, มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ชินจิ โอกาซากิ, เจมี่ วาร์ดี้

สยามสปอร์ต