แดงเดือดฉบับยูโรปา ลีก นัดที่ 2 "ผีแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด หวังเก็บชัยชนะเพื่อพลิกสถานการณ์เข้ารอบต่อไปให้ได้ โดยเกมนี้ส่งนักเตะชุดที่ดีที่สุด รอรับคู่แค้นร่วมลีก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่กุมความได้เปรียบนัดแรก ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง คืนวันพฤหัสบดีที่ 17 มี.ค. ศกนี้
ปรีวิวฟุตบอลยูโรปา ลีก
รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง
วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2559
แมนฯ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) - ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)
(ผลนัดแรก ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0)
เวลา : 03.05 น.


สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด


ผีแดง ต้องเปิดบ้านทวงประตูคืนให้ได้ หลังบุกแพ้ที่ แอนฟิลด์ มาก่อน 0-2


หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือชาวดัตช์ เพิ่งพาทีมเปิดบ้านเสมอ เวสต์แฮม 1-1 ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ทำให้ต้องไปเตะรีเพลย์อีกที่ อัพตัน พาร์ค


สภาพทีมจะได้ เจสซี่ ลินการ์ด มิดฟิลด์ตัวรุกพ้นโทษแบนเกมยุโรป 1 นัดกลับมา เช่นเดียวกับ ฆวน มาต้า กองกลางตัวรุกอีกคนที่ติดโทษแบนในประเทศ ก็จะกลับคืนทีมด้วย


บรรดาตัวเจ็บยังมี เวย์น รูนี่ย์, ฟิล โจนส์ และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ที่อยู่ในช่วงเรียกความฟิต


และตัวเลือกสำรองก็จะไม่มี อัดนาน ยานาไซ ปีกที่ติดคัพ-ไทถ้วยนี้ และ ทิโมที โฟซู-เมนซาห์ กองหลังดาวรุ่งที่ไม่มีชื่อลงทะเบียน


ในราย คริส สมอลลิ่ง, เมมฟิส เดอปาย, มารูอาน เฟลไลนี่ คาดโทษอยู่ ต้องระวังใบเหลืองเพิ่ม


ข่าวดี แอชลี่ย์ ยัง ฟิตกลับมาลงซ้อมได้แล้ว เช่นเดียวกับ คาเมรอน บอร์ธวิค-แจ็คสัน แบ็กซ้ายดาวรุ่งที่หายหน้าไปนาน


การจัดทัพ คาดว่า ฟาน กัล จะเรียก บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, เมมฟิส เดอปาย และ มอร์กก็อง ชไนเดอร์ลิน คืนตัวจริง ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะได้พักเป็นสำรอง


ฝั่ง หงส์แดง กลับมาอยู่ในฟอร์มยอดเยี่ยม ไม่แพ้ใคร 7 นัดติดต่อกันแล้ว (รอบชิงฯ แคปปิตอล วัน คัพ กับ แมนฯ ซิตี้ ไม่นับแพ้ตอนดวลจุดโทษ) นับเฉพาะเกมลีกชนะมา 3 นัดติด


สภาพทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน จะไม่มี ลูคัส เลวา กองกลางตัวรับที่เจ็บต้นขา และ มาร์ติน สเคอร์เทล เซนเตอร์ฮาล์ฟอยู่ในช่วงเรียกความฟิตกับทีมชุดยู 21


คาดว่า คล็อปป์ อาจปรับทีมเล็กน้อยจากนัดแรกที่ แอนฟิลด์ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ป่วยจนพลาดเกมเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว มีลุ้นกลับเป็นตัวจริง


คนที่ถูกถอดออกอาจเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก อดัม ลัลลาน่า ส่วนบรรดาแนวรุกยังใช้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เหมือนเดิม


ในราย อัลเบร์โต้ โมเรโน่ กับ เดยัน ลอฟเรน ที่คาดโทษอยู่ ต้องระวังใบเหลือง

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา, กีเยร์โม่ วาเรล่า, คริส สมอลลิ่ง, ดาเลย์ บลินด์, คาเมรอน บอร์ธวิค-แจ็คสัน, มอร์กก็อง ชไนเดอร์ลิน, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, เจสซี่ ลินการ์ด, อันเดร์ เอร์เรร่า, เมมฟิส เดอปาย, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
ลิเวอร์พูล : ซิมง มินโญเลต์, เนธาเนียล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, มามาดู ซาโก้, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เอ็มเร่ ชาน, เจมส์ มิลเนอร์, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, แดเนียล สเตอร์ริดจ์
ผู้ตัดสิน : มิโลรัด มาซิช (เซอร์เบีย)



เกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจ
- ลิเวอร์พูล เอาชนะไปได้ 2-0 ในเกมเลกแรกที่เจอกัน เป็นเกม "แดงเดือด" หนแรกในฟุตบอลยุโรป
- ทั้งคู่พบกันมาแล้ว 166 เกมในลีก (แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 67 แพ้ 55) และ 18 ครั้งในบอลถ้วย (แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 11 แพ้ 7 ทั้งในเอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ)
- แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะได้ตลอด 4 เกมหลังที่พบกับ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่โดนถล่มคารัง 0-3 เมื่อปี 2014
- ปีศาจแดงเจอกับทีมจากอังกฤษมาแล้ว 8 ครั้งในบอลยุโรป โดยชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 2 (ชนะ 3 ในบ้าน - ชนะ 2 แพ้ 2 เกมเยือน) โดยพวกเขาไม่แพ้ใน 6 เกมหลัง รวมเกมที่เสมอ เชลซี 1-1 ในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีกที่มอสโกเมื่อปี 2008 ก่อนเอาชนะจุดโทษในที่สุด
- ลิเวอร์พูล เจอกับทีมจากอังกฤษมาแล้ว 17 ครั้งในบอลยุโรป โดยชนะ 5 เสมอ 7 แพ้ 5 (ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 1 ในบ้าน - เสมอ 4 แพ้ 4 เกมเยือน)
- แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะรวดในการเปิดบ้านพบกับทีมจากอังกฤษในบอลยุโรป ขณะที่ ลิเวอร์พูล ยังไม่เคยชนะในการไปเยือนเลย
- แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้เกมยุโรปในบ้านมาแล้ว 10 เกมติด (ชนะ 8 เสมอ 2) โดยพวกเขาเคยตาม 0-2 ในเกมเลกแรกและกลับมาเอาชนะได้เกิดขึ้นในคัพ วินเนอร์ส คัพ ในรอบก่อนรองชนะเลิศในปี 1983/84 โดยแพ้ บาร์เซโลน่า ก่อน 0-2 แต่กลับมาชนะได้ในบ้าน 3-0
- ลิเวอร์พูล ไม่เสียประตูในการเล่มเกมเลกแรกมาแล้ว 4 เกมติด
- "หงส์แดง" แพ้ในการดวลจุดโทษให้กับ เบซิคตัส ในรอบ 32 ทีมสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว และพ่าย เซนิต ในรอบเดียวกันเมื่อปี 2012/13 ในปี 1973, 1976 และ 2001 พวกเขาคว้าแชมป์มาครองได้ ส่วนหนล่าสุดที่เล่นในรอบ 16 ทีมคือปี 2010/11 พวกเขาผ่าน สปาร์ต้า ปราก ไปได้ก่อนแพ้ บราก้า ในรอบ 8 ทีม
- "ปีศาจแดง" เล่นในรายการนี้หนล่าสุดเมื่อปี 2011/12 โดยตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการแพ้ให้กับ แอธ.บิลเบา ส่วนสถิติดีที่สุดในรายการนี้คือเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อปี 1984/85
- ลิเวอร์พูล (ร่วมกับ สปาร์ต้า ปราก และ ลาซิโอ) ยังไม่แพ้ใครตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มยูโรปา ลีก โดยเสมอไป 5 จาก 9 เกม มากกว่าทุกทีม

สยามสปอร์ต