ผ่านไปเรียบร้อยกับ ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 นัดรีเพลย์ ระหว่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไฝว้กับ ลิเวอร์พูล ณ โบลีน กราวน์ เมื่อคืนที่ผ่านมา
เกมนี้สู้กันอย่างสนุกมันส์หยดจนต้องต่อเวลาพิเศษ 120 นาที หลังเสมอกันในเวลา 1-1 และเป็นทาง อันเจโล่ อ็อกบอนน่า ปราการหลังของเจ้าบ้านเป็นผู้ชี้ชะตาของทีม หลังโขกประตูชัยในนาทีสุดท้ายช่วงต่อเวลาพิเศษ พาทีมขุนค้อนชนะด้วยสกอร์ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 5 ไปชนกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ได้สำเร็จ ส่วน ลิเวอร์พูล ต้องอกหักตกรอบไปตามระเบียบ



หลัง ทัพหงส์แดง ตกรอบ พวกเขายังมีโปรแกรมอันหนักอึ้งที่ต้องรับมือกันอีกทั้ง ทำอันดับในลีก, ลงเล่นนัดชิงดำ แคปปิตอล วัน คัพ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และลุยศึก ยูโรป้า ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย



และนี่คือ 5 สิ่งที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่คนเก่งของทีม ควรต้องทำในช่วงเวลาที่เหลือของซีซั่นนี้ จะมีอะไรบ้างที่ "มิสเตอร์ เจเค" ต้องลุย ไปติดตามกันเลย...



1. โยน สเตอร์ริดจ์ ลงสนามเป็นตัวจริงซะ



แฟนหงส์ คงจะเนื้อเต้นไม่น้อย หลัง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง



พ่อเต้ยโศก ถูกจับฉะน้ำและโยนลงสนามในนาที 59 และทำให้เกมรุกของ ลิเวอร์พูล วูบวาบขึ้นทันตา



ถึงแม้จะทำประตูไม่ได้ แต่เวลาที่บอลอยู่กับเจ้าตัว ทีมก็มีมิติเกมรุกมากขึ้น และแน่นอนเขากลับมาเป็นตัวความหวังในแดนหน้าอีกครั้ง แต่มีข้อแม้ จะต้องไม่เจ็บอีกนะ!



การเคาะสนิมในเกมนี้ของ จารย์หริดจ์ เป็นไปในทิศทางที่ดี และ คล็อปป์ จะต้องวาง สเตอร์ริดจ์ เป็นศูนย์หน้าเบอร์ 1 ของทีมในช่วงเวลาที่เหลือนี้ แต่มีข้อแม้อีกครั้ง เจ้าตัวห้ามเจ็บอีกเป็นอันขาด!



2. รอ คูตี้ กลับมาฟิตเปรี้ยะอีกครั้ง



อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหล่า "เดอะ ค็อป" กลับมามีลุ้นอีกครั้ง หลังจาก แดเนียล สเตอร์ริดจ์, ดิว็อก โอริกี้ และ "พ่อมดน้อย" ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้ง



คูตี้ ถูกจับส่งลงสนามเป็น 11 ขุนพลตัวจริงทันที และก็ไม่ทำให้สาวกหงส์แดงได้ผิดหวัง หลังกดฟรีคิกสุดคลาสสิก พาทีมตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ โดยก่อนหน้านั้นเจ้าตัวมีโอกาสใส่สกอร์ก่อน แต่โชคร้ายบอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย



เมื่อ คูตินโญ่ กลับมาฟิตเต็มที่อีกครั้ง เกมรุกของ คล็อปป์ จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง



3. แนวรับ = ทิชชู่เปียกน้ำ



แนวรับของ ลิเวอร์พูล รวมถึงผู้รักษาประตู เปรียบเสมือนทิชชู่ยุ่ยๆที่เปียกน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า



เพราะยิ่งเล่น ยิ่งหาความแน่นอนไม่เจอ นอกจากปัญหาลูกกลางอากาศแล้ว ยังมีปัญหาการยืนตำแหน่ง การเข้าสกัด และความมั่นใจที่ลดน้องลงไปทุกที



อย่างที่แฟนบอลคลับหงส์ตามโลกโซเชียลได้โพสต์แสดงความเย้ยหยันว่าทีมรักของตนเองกันว่า "เมื่อทีมโดนลูกเซ็ตพีซหรือลูกเตะมุม เปรียบเสมือนทีมโดนจุดโทษ" หรือ "โอกาสคู่แข่งเพียงไม่กี่ครั้ง แต่กลับเปลี่ยนเป็นประตูได้" หรือ "มีผู้รักษาประตูก็เหมือนไม่มี" ฯลฯ


ซึ่งมันก็ทำให้เราเห็นๆกันมานักต่อนักแล้ว



แน่นอน คล็อปป์ คงจะเป็นคนที่ปวดหัวมากที่สุด เมื่อเขาพยายามอัดทฤษฎีไปแล้ว แต่ตัวนักเตะเองที่ทำให้บอสประทับใจไม่ได้



กำลังใจและความเชื่อมั่นที่ตัวนักเตะเองจะต้องเรียกกลับมาให้ได้เร็วที่สุดในช่วงเวลาที่เหลือ เพื่อทำให้ทีมทำได้อย่างเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้สำเร็จ



4. ต้องฟาดแชมป์ แคปปิตอล วัน คัพ ให้ได้ สถานเดียว!



นี่คือโอกาสอันดีที่สุดแล้วที่ "คล็อปโป้ แอนด์ โค" จะต้องคว้ามันมาให้จงได้



ครั้งสุดท้ายที่ทีมลิ้มรสกับความสำเร็จ ต้องย้อนไปเมื่อฤดูกาล 2011-12



ถ้าสามารถล้ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ ถือว่าซีซั่นนี้ ก็ประสบความสำเร็จในเรื่องของถ้วยรางวัลแล้ว ในสภาพทีมที่ไม่สู้ดีนักแบบนี้



อีกทั้งผลพวงจากการคว้าแชมป์คือได้ไปลุยศึก ยูโรป้า ลีก ซีซั่นหน้าแน่นอน



5. ให้นักเตะกระหายเต็มที่กับ "ยูโรป้า ลีก"



ในสถานการณ์ในลีกที่ยังกระท่อนกระแท่นต่อการขึ้นไปจบท็อปโฟร์ เพื่อไปลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบนี้ อีกทางหนึ่งที่ทำให้ก็คือ เป็นแชมป์ ยูโรป้า ลีก มันซะเลย



ถึงแม้เงินรางวัลผู้ชนะจะน้อยนิด แต่ผลพวงนั้นมหาศาลสำหรับทีมตอนนี้ ทั้งได้ไปลุย ศึกยูซีแอล, ได้ดับเบิ้ลแชมป์ (กรณีคว้าแชมป์ แคปปิตอล วัน คัพ ได้)



คล็อปป์ ต้องให้เหล่าแข้งมีความกระหายมากที่สุด ให้นักเตะตระหนักให้ได้ว่า สิ่งที่ทีมต้องการคืออะไร!

สยามสปอร์ต