ประตูของคริสเตียน เบนเตเก้ ช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะ 1-0 เหนือทีมนำในตารางคะแนนบาร์เคลย์ส พรีเมียร์ลีก อย่างเลสเตอร์ ซิตี้ ที่แอนฟิลด์ ในวันบ็อกซิ่ง เดย์
ประตูเดียวของเกมมาจากการยิงของนักเตะตัวสำรอ งที่ลงสนามในครึ่งแรก กับการเล่นไป 63 นาที ให้ทีมเจ้าบ้าน จากลูกครอสของโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ในระยะราว 12 หลา
มันไม่ได้มากไปกว่าที่ลิเวอร์พูลสมควรได้รับ จากการแสดงฟอร์มที่ควบคุมเกมได้ในการพบกับทีมหัวตาราง ซึ่งเพิ่งประสบกับความพ่ายแพ้เป็นนัดที่สองในลีกของพวกเขา ขณะที่ ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ เก็บ 3 แต้มแรกของเดือนธันวาคมได้สำเร็จ
รายชื่อทีมลิเวอร์พูลได้รับการยินยันถึงการเปลี่ยนแปลง 3 ตำแหน่งจากทีมในนัดก่อนที่ออกไปเยือนวัตฟอร์ด ที่ วิคาราจ โร้ด ได้แก่ ไซม่อน มินโญเลต์, เดยัน ลอฟเรน และดิว็อค โอริกี ที่ลงสนามแทน อดัม บ็อกดาน, มาร์ติน สเคอเทล และลูคัส เลว่า
ลิเวอร์พูลเริ่มเกมด้วยความทะเยอทะยานที่อยากจะเก็บชัยชนะนัดแรก ตั้งแต่เอาชนะเซาธ์แฮมป์ตัน 6-1 ที่เซ็น แมรี่ ในวันที่ 2 ธันวาคม จากนั้นลงเล่น 4 นัดโดยปราศจากชัยชนะก่อนจะถึงวันนี้ และฟิลลิเป้ คูตินโญ่ ได้เริ่มส่องประตูส่งสัญญาณด้วยความตั้งใจ เมื่อเขาพยายามตวัดยิงซึ่งบอลหลุดเสาไกลออกไปในเวลาเพียง 3 นาทีหลังเริ่มเกม
ความมุ่งมั่นดุดันของเจ้าบ้านดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อโอริกีเห็นโอกาสและยิงซึ่งถูกบล็อกโดยเวส มอร์แกน ขณะที่อีกความพยายามถัดมาของคูตินโญ่ จากริมกรอบเขตโทษ กระดอนเข้าสู่บรรดาแฟนบอลเลสเตอร์หลังอัฒจันทร์
นักเตะชาวเบลเยียมจ่ายคืนหลังไม่ตรงเป้าหมายอย่างเฟอร์มิโน่ แต่มันไหลไปตรงหน้าคูตินโญ่อย่างเหมาะเจาะซึ่งเขายิงบอลข้ามคานออกไป
ในนาทีที่ 23 ลูกยิงของเอ็มเร่ ชาน ถูกเซฟโดย แคสเปอร์ ชไมเคิล เพื่อป้องกันไม่ให้มันตุงตาข่ายบริเวณมุมล่าง ก่อนที่โอริกีจะแสดงความแข็งแกร่งในการรับมือกับมอร์แกน และยิงประตู ซึ่งผู้รักษาประตูของเลสเตอร์ ซิตี้ ป้องกันได้อีกครั้งที่เสาใกล้
โอกาสยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากโอริกี, มามาดู ซาโก้, ลอฟเรน และลัลลาน่า พยายามคว้าโอกาสของพวกเขา ขณะที่ทีมเจ้าบ้านควบคุมเกมโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
แต่แผนการเล่นของพวกเขาต้องประสบปัญญาในนาทีที่ 37 เมื่อโอริกีต้องออกจากสนามด้วยอาการบาดเจ็บ เบนเตเก้ลงมาแทนเพื่อร่วมชาติของเขาในแนวรุก
และกับเกมในครึ่งแรก เลสเตอร์ได้โอกาสแรกของพวกเขา เมื่อ ริยาด มาห์เรซ เข้าสู่พื้นที่บริเวณริมกรอบเขตโทษ และล้มตัวยิงซึ่งถูกป้องกันได้โดยมินโญเลต์
หมดครึ่งแรกโดยที่ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ แต่ลิเวอร์พูลเข้าสู่ครึ่งหลังด้วยการมองหาโอกาสมากขึ้นกว่าเดิม
ความจริง นั่นคือวิธีการที่แท้จริงเปิดหน้าแลกของครึ่งหลัง และทีมของคล็อปป์ก็ขึ้นนำได้ในที่สุด หลังเวลาการแข่งขันผ่านไปครึ่งชั่วโมง จึงสามารถคลายความกดดันออกไปได้
จากการเก็บบอลทางฝั่งซ้าย เฟอร์มิโน่สร้างพื้นที่ก่อนส่งให้เบนเตเก้ด้วยลูกครอสที่ได้น้ำหนังพอดี ซึ่งนักเตะหมายเลข 9 ก็เหยียดขาจิ้มบอลเข้าไปยังมุมด้านล่างของประตู
อย่างไรก็ตาม เลสเตอร์ เกือบตีเสมอได้ แต่มินโญเลต์สามารถเซฟลูกยิงของนาธาน ดายเออร์ ในระยะใกล้จากการเปิดของ คริสเตียน ฟรุชส์ ได้สำเร็จ
ในช่วงใกล้หมดเวลา คูตินโญ่ ลองยิงจากระยะ 25 ซึ่งข้ามคานออกไป ขณะที่เฟอร์มิโน่ ก็ยิงลูกฮาล์ฟ วอลเลย์ ผ่านหน้าปากประตูไปเช่นกัน
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งชไมเคิลขึ้นมาช่วยทีมเยือนที่ได้ลูกเตะมุม มีเพียงการป้องกันอย่างบ้าคลั่งบนเส้นประตูที่ปฏิเสธประตูที่สองของเบนเตเก้
แต่มันเป็นวันของลิเวอร์พูลที่ยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายเพื่อเก็บชัยชนะ